SM Club IT: 07/21/13

Y

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

[Tip] การปรับแต่ง Windows สำหรับเล่นเกมส์

[Tip] การปรับแต่ง Windows สำหรับเล่นเกมส์

บทความต่อไปนี้จะเป็นวิธีทางที่ทำให้คอมฯของคุณเล่นเกมส์แบบลื่นใหล มันเป็นการแต่งครื่องสำหรับคนที่รักในการเล่นเกมส์โดยเฉพาะ ผมได้เรียบเรียงมาจาก
***อย่างไรก็ตาม ควรทำการแบ็คอัพข้อมูลคอมพิวเตอร์ทุกครั้งก่อนทำการเซ็ตค่าต่างๆนะครับ ^^
 Forum นอกเขา เอามาบอกเพื่อนๆคอเกมส์ทั้งหลาย ซึ่งก็มีหลายขั้นตอนลองทำตามได้เลยนะครับ



1.ยกเลิกการทำงานและคุณสมบัติของวินโดวส์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

   (สำหรับการเล่นเกมส์)

  ยกเลิกการทำงานของโปรแกรมที่ทำงานแบบ Background 

ปกติการทำงานของวินโดวส์มันจะโหลดโปรแกรมบางตัวรัน background อยู่ทำให้ระบบช้าลง
สำหรับการเล่นเกมส์ ซึ่งจะมีตัวหลักๆเลยอยู่ 3 ตัว ได้แก่ Automatic updates,

System restore และ Remote assistance ยกเลิกมันซะ วิธีการได้แก่

1.เปิด Control Panel ขึ้นมา

2.ให้คุณดับเบิ้ลที่ไอคอน System เพื่อเรียก System ขึ้นมา

3.ไปที่แท็บ Automatic Update ให้คลิกเลือกที่ Turn off Automatic Updates

 

4.ไปที่แท็บ System Restore ให้คลิกเลือก Turn off System Restore on all drives



 

5.ไปที่แท็บ Remote ให้คลิกความเครื่องหมายถูกออกจาก Remote Assistance และ
Remote Dasktop คลิก Apply และ OK



 

ยกเลิก Services ของวินโดวส์ 


เมื่อทำตามข้างบนแล้ว....ยังครับยังไม่หมดสำหรับคุณสมบัติของวินโดวส์ที่มันจะจัดการให้คุณทุกเรื่องไป ต้องมีเอาออกอีกนั้นก็คือพวก Services ต่างๆ

1.ให้คุณเรียก Control Panel ขึ้นมา

2.ให้คุณดับเบิ้ลที่ไอคอน Adminastrative Tools แล้วเลือกที่ Services


เมื่อหน้าต่าง Services เปิดออกมาให้สังเกตหน้าต่างด้านขวาจะมีรายชื่อ Services ต่างๆอยู่เยอะมาก ตามปกติคอมฯทั่วไปมันจะมี Services อยู่ประมาณ 27 ตัวที่จะรันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่เกินครึ่งที่คุณๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เลย แต่วินโดวส์มันรู้ดีจัดการให้ ในที่นี่ เราจะมา Disable Services ที่ไม่จำเป็นสำหรับการเล่นเกมส์ เช่น พวก Printer,Broadband Connection, Networking,routing หรือ พวก Wireless ต่างๆ

3.ให้คุณดับเบิ้ลคลิก Services ที่คุณจะ Disable แล้วเลือกที่ Startup type คลิก drop-down menu
เลือก Disable คลิก Apply และ OK ทำแบบนี้ทุกตัวที่จะ Disable การทำงานของ Service

 

ส่วน Services ตัวไหนบ้างที่จะ Disable ได้สำหรับงานนี้ ก็ตามรายชื่อนี้เลยครับ 

Automatic Updates
ClipBook
COM+ Event System
Creative Service for CDROM Access (ถ้าเครื่องคุณมี Creative soundcard)
Cryptographic Services
Distributed Link Tracking Client
Distributed Transaction Coordinator
DNS Client (ไมต้อง Disable ถ้าคุณใช้ Dial-up internet connection)
Error Reporting Service
HID Input Service
Indexing Service
IPSEC Services
Messenger
MS Software Shadow Copy Provider
NetMeeting Remote Desktop Sharing
Network DDE
Network DDE DSDM
NVIDIA Display Driver Service (สำหรับผู้ที่ใช้ NVIDIA card)
Performance Logs and Alerts
Portable Media Serial Number
Print Spooler (ถ้าเครื่องไม่มี printer)
QoS RSVP
Remote Desktop Help Session Manager
Remote Registry
Routing and Remote Access
Security Accounts Manager
Server
Shell Hardware Detection
Smart Card
Smart Card Helper
System Event Notification
TCP/IP NetBIOS Helper
Telnet
Terminal Services
Themes (ถ้าคุณไม่สนใจความสวยงามของ desktop)
Upload Manager
WebClient
Wireless Zero Configuration
WMDM PMSP Service
WMI Performance Adapter
Workstation

-ทำความสะอาด Startup Programs 


ยังมีอีกจุดหนึ่งครับที่จะต้องปรับแต่งสำหรับหัวข้อนี้ได้แก่ Startup Programs ปกติตอนวินโดวส์ start ขึ้นมามันก็จะรันโปรแกรมต่างๆ ในจุดนี้ ฉะนั้นคุณต้องเอามันออกเพื่อที่วินโดวส์จะ start
 แบบ Clean up วิธีการก็ตามนี้

1.คลิกที่ Start > Run พิมพ์คำสั่ง msconfig แล้ว enter

2.ที่หน้าต่าง System Configuration Utilty ให้คุณไปที่แท็บ Startup คลิกที่ Disable All

3.คลิก Apply และ OK แล้วคลิก Yes เพือ Restart เครื่อง

 

2.ปรับแต่ง Windows Page Files 

ปกติการทำงานของวินโดวส์เมื่อคุณรันโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งมันจะใช้พื้นที่ของ RAM
เป็นหลักก่อน ถ้าไม่พอวินโดว์จะใช้พื้นที่ที่ฮาร์ดดิสก์ทำ swap file หรือ Page files แทน เกมส์ก็เป็นเหมือนโปรแกรมเช่นกัน ถ้าคอมฯ ของคุณมี RAM มากโปรแกรมก็จะทำงานได้เร็วและดีขึ้น เพราะใช้พื้นที่ที่ RAM ซึ่งมันทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์มาก แต่เครื่องคอมฯ แต่ละเครื่องมันใช้
RAM ไม่เท่ากัน การตั้ง Page Files ให้ระบบสมดูลย์ย่อมไม่เหมือนกัน เรามาตั้ง Page Files ให้เหมาะสมกับเครื่องที่เล่นเกมส์เป็นหลักได้ดังนี้

1.ให้เปิด Control Panel ขึ้นมา

2.ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน System เมื่อหน้าต่าง System Properties เปิดออกมาให้ไปที่แท็บ Advanced

 

3.คลิกที่ Setting ของหัวข้อ Performance แล้วคลิกที่แท็บ Advanced ของหน้าต่าง
Performance Options คลิกที่ Change

 

4.ที่หน้าต่าง Virtual Memory ให้คลิกที่ Custom size: แล้วเปลื่ยน Page Files ในช่อง
 Initial size และ Maximum size ตามนี้
ถ้าคุณมี RAM

128MB ให้ตั้งค่าเท่ากับ 1500MB
256MB ให้ตั้งค่าเท่ากับ 1000MB
512MB ให้ตั้งค่าเท่ากับ 700MB
1GB ให้ตั้งค่าเท่ากับ 500MB

เสร็จแล้วคลิก Set และ OK

 

3.ทำความสะอาดระบบวินโดวส์ของคุณ 

มาถึงขั้นตอนนี้ ก็คือการทำความสะอาดระบบที่มักจะมีขยะและสิ่งแปลกปลอม
เช่น Adaware ,Spyware ,Trojans, Dialers, Malware ซึ่งโปรแกรมที่จะแนะนำ
สำหรับการกำจัดพวกนี้คุณๆ ส่วนใหญ่จะรู้จักหรือเคยใช้อยู่แล้ว

Ad-Aware
http://majorgeeks.com/download506.html

Spybot S&D
http://majorgeeks.com/download2471.html

Reg Seeker
http://majorgeeks.com/download2579.html

CCleaner
http://majorgeeks.com/download4191.html

แนะนำตัวจัด Memory ให้อีกตัว

Cacheman (แนะนำควรจะมีไว้สำหรับคอมฯ ที่มี RAM 512MB หรือน้อยกว่า)
http://majorgeeks.com/download308.html

สำหรับโปรแกรมที่แนะนำให้ใช้ 3 ตัวแรกคิดว่าคุณๆ น่าจะใช้ได้ไม่มีปัญหา
และตัวโปรแกรมก็ใช้ง่ายอยู่แล้ว ติดตั้งเสร็จก็ใช้ได้เลยไม่ต้องตั้ง Config ให้ยุ่งยาก ค่าที่ให้มาของโปรแกรมก็เหมาะสมแล้ว ที่จะกล่าวในที่นี้ก็ 2 ตัวหลังได้แก 

CCleaner กับ Cacheman

CCleaner

สำหรับตัวการใช้ต้องมีการปรับแต่งกันบ้าง 

1.เริ่มแรกเมื่อคุณเปิดโปรแกรมขึ้นมา คลิกที่แท็บ Windows
 

2.ให้คุณติ๊กเครื่องหมายถูกทุกตัวในหัวข้อนี้ ยกเว้น Windows Size/Location Cache

3.คลิก Analyze รอสักครู่ให้โปรแกรมตรวจสอบวินโดวส์สักครู่ เมื่อโปรแกรมแจ้งมา (มีรายละเอียดออกมาทางหน้าต่างขวามือ) ให้คุณคลิก Run Cleaner

4.คลิกที่แท็บ Applications ทำเหมือนข้อ 3

5. คลิกไอคอน Issues ติ้กเครื่องหมายถูกทุกข้อในหัวข้อนี้

 

6.คลิก Scan for Issues รอให้โปรแกรมทำงานสักครู่ เมื่อได้ผลออกมา (รายการที่หน้าต่างขวา)
ก็คลิก Fix selected issues..

7.คลิกที่ไอคอน Options แล้วคลิกที่ Advanced

8.ติ๊กเอาเครื่องหมายถูกที่ Only delete files in Windows Temp folder older than.. ออก
แล้วออกจากโปรแกรม

 

Cacheman

มาถึงตัวบริหาร RAM หรือความจำที่เครื่องมีให้เหมาะสม

1.เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาให้คลิกที่ Setting แล้วคลิกที่ RAM

 

2.ที่แท็บ Recovery ที่หัวข้อ Memory amount ให้คลิกที่ User defined แล้วใช้เม้าส์คลิกลาก Slide มาสุดทางขวามือ

3.ให้คุณเอาเครื่องหมายถูกออกจาก Do not recover on high CPU usage, Do not recover on high disk activity, Recover on startup และ Change tray Icon when recovering ส่วน Extreme recovery mode ให้เอาเครื่องหมายถูกเก็บไว้

4.คลิกที่แท็บ Optimization ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ Disable executive paging และ Unload DLL's from memory

 

5.คลิกที่เมนู File เลือก Save setting คลิก Yes แล้ว Restart เครื่อง

 

 

4.ปรับแต่ง BIOS ให้เหมาะกับเกมส์ 


ขั้นตอนนี้ก็มาที่ BIOS ของเครื่องที่จะต้องมีการปรับแต่งในการนี้ด้วยเล็กน้อย
 วิธีการที่จะเข้า BIOS ก็ให้คุณเปิดเครื่องระหว่างที่เครื่องเริ่มทำงานให้กดปุ่ม DEL หรือ F1 แล้วแต่เมนบอร์ดแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน แต่ส่วนมากจะใช้ปุ่ม DEL เมื่อเครื่องเข้า
 BIOS แล้วให้ไปดูที่หัวข้อ AGP เป็นหลักให้คุณปรับ

-AGP Aperture size ไว้ตำแหน่งสูงสุด
-AGP mode ให้ปรับเป็น 8X หรือสูงกว่านั้น ถ้ามี
-AGP Fastwrite ให้ตั้งเป็น Enabled

ในกรณีที่ BIOS ของคุณมีหัวข้อ USB 2.0 controller ให้คุณปรับเป็น "Fullspeed"ด้วย

5.Driver Update 


ให้อัปเดทเครื่องให้มีไดร์เวอร์ของ Graphics card และ Sound card ให้ใหม่ล่าสุด โดยแนะนำให้โหลดจากเว็บเจ้าของผลิตภัณท์

Graphics card

-nVIDIA

http://nvidia.com/content/drivers/drivers.asp

-ATI

http://ati.com/support/driver.html

Sound cards

-Creative Soundblaster

http://creative.com/support/

Windows Updates

แนะนำให้คุณๆอัปเดท Critical และ Patches ต่างๆที่วินโดวส์ออกมาแก้ไขวินโดวส
์เพื่อความสมบูรณ์ของระบบ แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุณไม่สามารอัปเดทออนไลน์ได้
(คงไม่ต้องบอกว่าสาเหตุเพราะอะไร) ก็มีทางเลือกให้คือไปโหลดอัปเดทที่ชาวเน็ต
ชอบใช้บริการได้แก่ AutoPatcher XP ตามนี้

http://www.autopatcher.com

http://www.neowin.net/forum/index.php?showforum=89

 


6.ทิปเล็กๆ 


1.ก่อนที่จะเล่นเกมส์ควรจะเปิด Cacheman และ Recover Memory ก่อนทุกครั้งเพื่อที่เกมส์จะใช
้ Memory ได้เต็มที่

2.ปรับการทำงานของ CPU ให้ถ่ายเทประสิทธิภาพไปที่เกมส์ที่คุณเล่นโดยปรับที่
 Windows Task Manager ให้เป็น High CPU Priority วิธีทำก็

-เปิดWindows Task Manager โดยกดปุ่ม ctrl+alt+del พร้อมกันหรือ ใช้เม้าส์คลิกขวาที่
Task bar แล้วเลือก Task Manager

-ไปที่แท็บ Processes หาชื่อเกมส์ของคุณ แล้วคลิกขวาเลือก Set Priority คลิกที่ High คลิก
 Yes คราวนี้เครื่องคุณ CPU ก็จะเน้นการทำงานไปที่เกมส์ของคุณ

 

3.ให้ทำการ Defragment ฮาร์ดดิสก์ของคุณเพื่อให้ข้อมูลในเครื่องมีการต่อเนื่องเกิด Clutter File น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย การทำ Defragment ก็ประมาณอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน

4.ทุกครั้งที่จะเล่นเกมส์ให้ปิดโปรแกรมที่เปิดค้างไว้ให้มากที่สุด เช่น MSN messanger หรือ IRC เพื่อประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ได้ลื่นใหล

จบแล้วครับลองดูนะครับคุณๆที่เป็นคอเกมส์ทั้งหลายรับรองถ้าทำตามวิธีที่กล่าวมาทั้งหมด คุณจะเล่นเกมส์ได้แบบลื่นใหลขึ้นมาก 


อ้างอิง 
oknation.net

ทำความรู้จักฮาร์ดดิสก์ของ WD ทั้ง 4 รุ่น 4 สี

ทำความรู้จักฮาร์ดดิสก์ของ WD ทั้ง 4 รุ่น 4 สี


เวลาจะประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่แล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็ต้องเป็นฮาร์ดดิสก์ที่เป็นสื่อบันทึกข้อมูลและใช้ลงโปรแกรมต่างๆ เอาไว้ใช้งาน และ WD หรือ Western Digital เองก็เป็นอีกแบรนด์ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ยอดนิยมที่มีผู้เลือกใช้มากอีกยี่ห้อหนึ่ง แต่ในรุ่นย่อยๆ นั้นจะมีข้อแตกต่างกันอย่างไรนั้น ทางทีมงานมีข้อมูลของฮาร์ดดิสก์แต่ละรุ่นของ Western Digital มาฝากกันในทิปครั้งนี้
wd
ก่อนจะไปรู้ถึงรายละเอียดของฮาร์ดดิสก์แต่ละรุ่นของ Western Digital (WD) นั้น ต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่าฮาร์ดดิสก์ของ WD จะมีรุ่นย่อยแยกออกเป็น 4 รุ่นด้วยกันคือ Black, Blue, Green, Red ซึ่งทั้งสี่รุ่นนี้จะมีจุดเด่นแตกต่างตามสี ซึ่งถ้าเรียงรุ่นประสิทธิภาพสูงไปจนถึงรุ่นทั่วไปจะเป็น Black, Blue, Green และแบ่ง Red เป็นฮาร์ดดิสก์ที่ทาง WD ปรับแต่งมาให้เป็นพิเศษ โดยแต่ละรุ่นจะมีรายละเอียดดังนี้
b
WD Black ฮาร์ดดิสก์ประสิทธิภาพสูงจาก WD ที่เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงเป็นหลัก มีความเร็วรอบการทำงานอยู่ที่ 7200 RPM พร้อมแคชสำหรับใช้พักข้อมูลอีก 64 MB ด้วยกัน และมีระบบ Dynamic Cache สำหรับจัดสรรปรับแต่งการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอจกานี้ยังมีระบบป้องกันการเกิดแรงสั่นสะเทือน (StableTrac™), การบันทึกข้อมูลโดยหัวบันทึกข้อมูลไม่สัมผัสแผ่นจานบันทึกข้อมูล (NoTouch™ ramp load) อีกด้วย นับได้ว่าเหมาะกับเกมมิ่งคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์ที่เน้นประสิทธิภาพในการทำงานสูงเลือกใช้งาน ปัจจุบันรุ่นความจุ 1 TB อยู่ราว 2,700 บาท
bl
WD Blue เป็นฮาร์ดดิสก์ยอดนิยมสำหรับใช้งานทั่วไปในบ้านเรือน ซึ่งโดดเด่นเรื่องการทำงานที่ไม่ส่งเสียงดังโดยลดการสั่นสะเทือนและลดการเกิดเสียงรบกวนจากการใช้ฮาร์ดดิสก์ด้วยเทคโนโลยี IntelliSeek พร้อมกับระบบช่วยป้องกันระบบกลไกภายในฮาร์ดดิสก์เกิดความเสียหายอย่าง ShockGuard ซึ่งฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้โดดเด่นเรื่องอายุการใช้งานที่ยาวนานและเหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันรุ่นความจุ 1 TB จะอยู่ราว 2,200 บาท
g
WD Green ผู้ใช้ที่สนใจเรื่องประสิทธิภาพเป็นหลักอาจจะมองข้าม WD Green ไปเพราะประสิทธิภาพนั้นไม่โดดเด่นเท่ากับ WD Blue แต่ข้อดีของรุ่น Green นั้นจะมีเทคโนโลยี IntelliSeek, NoTouch™ ramp load เช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์สองรุ่นด้านบน ซึ่ง WD Green นั้น หลายๆ คนนิยมนำไปใช้แหล่งบันทึกไฟล์ต่างๆ ของคอมพิวเตอร์มากกว่าจะนำมาใช้ติดตั้งโปรแกรมใช้งานหลักๆ ปัจจุบันนี้ราคาของ WD Green จะอยู่ราว 2,000 บาทด้วยกัน
r
WD Red เป็นซีรี่ย์สีใหม่ล่าสุดจากทาง WD ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบเครือข่ายของบ้านหรือบริษัทได้ โดยทาง WD นั้นออกแบบให้ใช้งานกับระบบ NAS (Network Attached Storage) ได้เป็นอย่างดี ทำงานร่วมกับระบบ NAS ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้จุดเด่นคือ WD Red นั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่เกิดปัญหาด้วยเทคโลยี 3D Active Balance Plus ที่ปรับแต่งให้ฮาร์ดดิสก์สามารถทำงานได้อย่างสมดุลย์ แม้ทาง WD จะออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบเซิร์ฟเวอร์ก็ตาม แต่จะนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยปัจจุบันราคาของ WD Red ความจุ 1 TB จะอยู่ราว 2,600 บาท
เป็นข้อมูลโดยคร่าวๆ สำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาฮาร์ดดิสก์มาติดตั้งให้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวเครื่องใหม่ที่กำลังจะมาเป็นสมาชิกใหม่ภายในบ้านตอนนี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนจะได้รู้ว่าฮาร์ดดิสก์แต่ละรุ่นนั้นมีข้อดีอย่างไรเพื่อปรับใช้ให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของตัวเองต่อไป

ที่มา notebookspec.com

ความหมายของจอฟ้ามรณะกับรหัส Blue Screen Code และแนวทางแก้ไข

ความหมายของจอฟ้ามรณะกับรหัส Blue Screen Code และแนวทางแก้ไข
Blue Screen Code คืออะไร? (เคยไหม? เวลาที่เราเล่นอยู่ดีๆ คอมก็มีจอสีน้ำเงินขึ้นและมีรหัสอะไรไม่รู้ เยอะแยะไปหมด อ่านไม่ออก เช่น (stop code 0X0000002E) Data Bus Error หรืออาจจะมีรหัสอย่างอื่นอีก… แต่ละรหัสมันมีความหมายของมันครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ขึ้นมาเฉยๆ ไม่ต้องตกใจมันไม่ใช่ไวรัส แต่คอมของเรามีความผิดปกติในซอฟแวร์ ไม่ก็ฮาร์ดแวร์บางส่วน ทิปวันนี้เราจะพาไปแนะนำรู้จักกัน
bluescreencode-1
1. (stop code 0X000000BE) Attempted Write To Read only Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆ ที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ
2. (stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัพเกรดเครื่องพวก Hardware ต่างๆ เช่น ram, harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัพเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัพเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัพเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส
3. (stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม, cache L2 ของซีพียู, เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย
4. (stop code 0X000000D1) Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ (Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1
5. (stop code 0X0000009F) Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ “hibernate” แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดวส์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดวส์ซะ
6. (stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1
7. (stop code 0X000000F2) Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1
8. (stop code 0X0000007B) Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรือ boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบ multi OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์ เวอร์รุ่นล่าสุด
9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย
10. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
11. (stop code 0X0000001E) Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ
12. (stop code 0X00000079) Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอ ฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให ้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย
13. (stop code 0X0000003F) No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSe ssion ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM 128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK รีสตาร์ทเครื่อง
14. (stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตุนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆ สามารถทราบรายละเอียดของ error นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application
15. (stop code 0X00000050) Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่
16. (stop code 0Xc0000221) Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15
17. (stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตร์ทตลอด หรือแจ้ง error อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้
1. ให้ดูที่ power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณ หรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ power supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น ปัญหานี้ผมเคยมีประสพการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิตเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น “PXE Resume/Remote Wake Up” โดยไปปิดที่ BIOS
18. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด
19. (stop code 0X000000ED) Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน
bluescreencode-2
การแก้ไขปัญหาอาการจอฟ้านั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ ถ้าหากเรารู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากส่วนใด ระหว่าง Hardware และ Software ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่สัมพันธ์กันกับระบบตัววินโดวส์ ไว้เจอกันในคราวต่อไปนะครับ

ที่มา  notebookspec.com

ช่วยกดไลค์ติดตามข่าวสารด้วยนะครับ ^^